กลอย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Dioscorea hispida Dennst. var. hispida
ชื่อสามัญ Asiatic Bitter Yam
ชื่อวงศ์ Dioscoreaceae
ชื่อเรียกอื่นๆ มันกลอย, กลอยนก(ภาคเหนือ), กอย(ภาคเหนือ), กลอยหัวเหนียว หรือ กลอยข้าวเหนียว(อีสาน)
กลอย เป็นไม้เถาเลื้อยพันต้นไม้อื่น อายุหลายปีไม่มีมีเกาะลำต้นมีหนามเล็กๆ กระจายทั่วไปและมีขนนุ่มๆ สีขาวปกคลุม มีหัวอยู่ใต้ดินลักษณะทรงกลมรี มีรากเล็กๆ กระจายทั่วทั้งหัว มี 3-5 หัวต่อต้น เปลือกหัวบางสีน้ำตาลออกเหลือง
เนื้อในหัวมี 2 ชนิดคือ "กลอยข้าวเจ้า" ใบและเถาสีเขียว เนื้อในหัวมีสีขาว ร่วนซุย และ
"กลอยข้าวเหนียว" (กลอยไข่ หรือ กลอยเหลือง) มีใบและเถาสีน้ำตาลเรื่อ เนื้อในหัวสีเหลืองนวล เหนียวและอร่อยกว่ากลอยข้าวเจ้าสีขาว
ใบ เป็นใบประกอบก้านใบยาว 10-15 เซนติเมตร มีใบย่อย 3 ใบ รูปรีปลายใบแหลมขอบใบเรียบเส้นใบนูน ผิวใบสากมือ มีขนนุ่มๆ ปกคลุม ความกว้างของใบ 3-5 เซนติเมตร ยาว 8-10 เซนติเมตร
ดอก เป็นดอกช่อ ออกตามซอกใบ ก้านดอกเดี่ยวยาวห้อยย้อยลงมา มีดอกเล็กๆ ติดบนก้านดอกจำนวนมาก
ผล ผลคล้ายผลมะเฟืองมี 3 พู แต่ละพูมี 1 เม็ด เมื่อแก่จะแตกได้เอง
เมล็ด ลักษณะกลมแบน มีปีกนางใสรอบเมล็ด ช่วยในการปลิวตามลม
การขยายพันธุ์ เมล็ด หัวเหง้า
ฤดูกาลที่เก็บส่วนขยายพันธุ์ ฤดูหนาว
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต ที่ดอน ระบายน้ำดี และร่มรำไร ขยายพันธุ์โดยการแยกหัวที่แตกจากข้อต้นมาปลูกใหม่ ในฤดูหนาวหัวกลอยจะพักตัว หยุดการเจริญเติบโต ใบจะเหี่ยว เมื่อเข้าฤดูร้อนและฝนมาจึงผลิใบและดอกเจริญเติบโตอีกครั้ง
ทางอาหาร เนื่องจากหัวกลอยดิบมีสารพิษ หากจะนำมาปรุงอาหารต้องนำสารพิษในหัวดิบออกเสียก่อน โดยชาวบ้านจะปลอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแว่นๆ หนาประมาณ 1 ซม. วางเรียงในไหหรือภาชนะให้สูงประมาณ 10 ซม. โรยด้วยเกลือหนา 1-2 ซม. แล้วน้ำชิ้นกลอยมาวางเรียงอีกชั้น ทำเช่นเดิมจนหมด ทิ้งไว้หนึ่งคืน แล้วล้างน้ำให้สะอาดนำใส่ในถุงผ้าขาวบาง วางทับด้วยของหนักๆเพื่อรีดน้ำพิษออกจากเนื้อให้หมด
นำกลอยมาใส่ในภาชนะเติมน้ำจนท่วมเนื้อ ทิ้งไว้หนึ่งคืน ล้างให้สะอาด วางทับด้วยของหนักอีก แล้วล้างออก ทำเช่นนี้อีก 5-7 วัน จึงนำมาประกอบอาหาร ถ้ามีมากนำมาตากแห้งเก็บไว้กินได้นาน
ด้านสมุนไพรทางยา น้ำมันที่สกัดจากหัวกลอยใช้ทาแก้ฝ้า ใส่แผล ช่วยสมานแผล ขับน้ำเหลือง
เนื้อในหัวมี 2 ชนิดคือ "กลอยข้าวเจ้า" ใบและเถาสีเขียว เนื้อในหัวมีสีขาว ร่วนซุย และ
"กลอยข้าวเหนียว" (กลอยไข่ หรือ กลอยเหลือง) มีใบและเถาสีน้ำตาลเรื่อ เนื้อในหัวสีเหลืองนวล เหนียวและอร่อยกว่ากลอยข้าวเจ้าสีขาว
ใบ เป็นใบประกอบก้านใบยาว 10-15 เซนติเมตร มีใบย่อย 3 ใบ รูปรีปลายใบแหลมขอบใบเรียบเส้นใบนูน ผิวใบสากมือ มีขนนุ่มๆ ปกคลุม ความกว้างของใบ 3-5 เซนติเมตร ยาว 8-10 เซนติเมตร
ดอก เป็นดอกช่อ ออกตามซอกใบ ก้านดอกเดี่ยวยาวห้อยย้อยลงมา มีดอกเล็กๆ ติดบนก้านดอกจำนวนมาก
ผล ผลคล้ายผลมะเฟืองมี 3 พู แต่ละพูมี 1 เม็ด เมื่อแก่จะแตกได้เอง
เมล็ด ลักษณะกลมแบน มีปีกนางใสรอบเมล็ด ช่วยในการปลิวตามลม
การขยายพันธุ์ เมล็ด หัวเหง้า
ฤดูกาลที่เก็บส่วนขยายพันธุ์ ฤดูหนาว
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต ที่ดอน ระบายน้ำดี และร่มรำไร ขยายพันธุ์โดยการแยกหัวที่แตกจากข้อต้นมาปลูกใหม่ ในฤดูหนาวหัวกลอยจะพักตัว หยุดการเจริญเติบโต ใบจะเหี่ยว เมื่อเข้าฤดูร้อนและฝนมาจึงผลิใบและดอกเจริญเติบโตอีกครั้ง
การใช้ประโยชน์ กลอย
ทางอาหาร เนื่องจากหัวกลอยดิบมีสารพิษ หากจะนำมาปรุงอาหารต้องนำสารพิษในหัวดิบออกเสียก่อน โดยชาวบ้านจะปลอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแว่นๆ หนาประมาณ 1 ซม. วางเรียงในไหหรือภาชนะให้สูงประมาณ 10 ซม. โรยด้วยเกลือหนา 1-2 ซม. แล้วน้ำชิ้นกลอยมาวางเรียงอีกชั้น ทำเช่นเดิมจนหมด ทิ้งไว้หนึ่งคืน แล้วล้างน้ำให้สะอาดนำใส่ในถุงผ้าขาวบาง วางทับด้วยของหนักๆเพื่อรีดน้ำพิษออกจากเนื้อให้หมด
นำกลอยมาใส่ในภาชนะเติมน้ำจนท่วมเนื้อ ทิ้งไว้หนึ่งคืน ล้างให้สะอาด วางทับด้วยของหนักอีก แล้วล้างออก ทำเช่นนี้อีก 5-7 วัน จึงนำมาประกอบอาหาร ถ้ามีมากนำมาตากแห้งเก็บไว้กินได้นาน
ด้านสมุนไพรทางยา น้ำมันที่สกัดจากหัวกลอยใช้ทาแก้ฝ้า ใส่แผล ช่วยสมานแผล ขับน้ำเหลือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น